ท่องเที่ยว เมืองไทย

มาเป็นนักท่องเที่ยวเมืองไทยกันเถอะ

แล้วจะทำได้อย่างไรล่ะ? เรามาดูนิยามของ นักท่องเที่ยวคือ บุคคล กลุ่มบุคคล ที่เดินทางจากท้องถิ่นที่อยู่ของตนไปยังท้องที่อื่นเป็นการชั่วคราวด้วยความสมัครใจ และด้วยวัตถุประสงค์มิใช่เพื่อไปประกอบอาชีพหรือหารายได้, ผู้ที่เดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ เพื่อความเพลิดเพลิน.  ดังนั้นเมื่อเราออกเดินทางโดยสมัครใจไปยังที่ๆใดที่หนึ่งภายในประเทศไทย เพื่อแสดงว่าหาความเพลินเพลิน เพียงชั่วคราว เพียงช่วงระยะเวลาหนึ่ง เมื่อไรก็ตาม เมื่อนั้นเราก็จะได้ชื่อว่าเป็น นักท่องเที่ยวเมืองไทย ไปโดยปริยาย

เที่ยวภาคกลาง

วัดป่าเลไลยก์ วรวิหาร สุพรรณบุรี วัดหมายเลข 1 เมืองสุพรรณ

วัดป่าเลไลยก์ วรวิหาร สุพรรณบุรี วัดป่าเลไลยก์ สุพรรณบุรี เป็นวัดเก่าแก่ คู่บ้านคู่เมือง จ.สุพรรณบุรี ถ้าเมื่อมา จ.สุพรรณบุรี แล้วไม่ได้มากราบสักการะ หลวงพ่อโตแล้วละก็ ก็เหมือนยังมาไม่ถึงเมืองสุพรรณ การมาเที่ยวเมืองสุพรรณบุรี วัดป่าเลไลย์

หาดทรายรี เกาะเต่า

หาดทรายรี เกาะเต่าเป็นเกาะเล็กๆที่สามารถท่องเที่ยวได้ทั้งปี มีกิจกรรมท่องเที่ยวหลายรูปแบบ หากคุณชอบบรรยากาศริมหาด สามารถเล่นน้ำทะเลแบบชิลๆ นั่งกินลม ชมทะเล เล่นทรายเนื้อละเอียดๆเม็ดขาว หาดทรายรี นี้คือจุดที่เหมาะกับเพื่อนๆจะมาเช็คอินที่สุดเลย หาด ทรายรี ทอดยาวอยู่ทางด้านถัดจาก อ่าวแม่หาดท่าเรือหลักของเกาะ ซึ่งสามารถเดินถึงกันได้

เที่ยวทะเลปราณบุรี

เที่ยวปราณบุรี ถ้าอยากหนีไปเที่ยวทะเล แบบบรรยากาาสเงียบสงบ โรแมนติค ชิวๆ ที่สำคัญ ไม่ไกลจากกรุงเทพ พร้อมอาหารทะเลสดๆ อร่อยๆ ในราคาเบาๆ บอกเลยว่าต้องมาที่นี่ ทะเลปราณบุรี ประจวบคีรีขันธ์ แล้วคุณจะหลงเสน่ห์ ทะเลปราณ

ไหว้พระ 9 วัด สุพรรณบุรี ถนนสมภารคง เส้นทางอิ่มบุญยอดนิยม

ไหว้พระ 9 วัด สุพรรณบุรี เมืองสุพรรณเป็นเมืองเก่าที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่สามารถสืบค้นได้ มีทั้งหลักฐานทางประวัติศาตร์ ทั้งโบราณสถาน โบราณวัตถุ รวมถึงมีจดหมายเหตุต่างๆได้บันทึกเรื่องราวของเมืองสุพรรณบุรีไว้มากมายพอสมควร แม้ในด้านประวัติศาสตร์ของชาติไทย อาจจะไม่สำคัญเท่ากับเมืองอยุทธยา แต่สุพรรณบุรีก็เคยเป็นอาณาจักรที่เจริญรุ่งเรื่อง ซ้ำยังเคยเป็นราชธานีเก่าก่อนสมัยอยุธยา ที่กล่าวมาดังนี้เพราะจะเห็นได้ว่า วัดโดยทั่วไปในเมืองสุพรรณบุรี

วัดชีสุขเกษม ไหว้พระ 9 วัด สุพรรณบุรี

วัดชีสุขเกษม กราบหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ อายุราว 1000 ปี ไหว้แม่ชีสุขเกษม ผู้ก่อตั้งสร้างวัด ตั้งแต่สมัยอยุทธยาตอนปลาย ขอพรสิ่งใดได้สมหวังสุขเกษมยินดี

ตลาดนัดโอโซนวัน

ตลาดนัดโอโซนวัน ตลาดนัดโอโซนวัน ตลาดเดินเล่นยามเย็นบนถนนสรงประภา มีของกิน ของใช้ ให้เลือกมากมาย หากจะเดินเล่นคลายเครียดยามเย็นแบบชิลล์ๆๆ ตลาดนัดโอโซนวัน ก็เป็นตลาดที่ขึ้นชื่อแถวย่านดอนเมือง ภายในตลาดมีพ่อค้าแม่ค้ามากมาย ทั้งอุปโภค บริโภค ครบครัน ที่สำคัญตลาดได้จัดเตรียมสถานที่ไว้ให้นั่งรับประทานอาหารกันแบบชิวๆสบายๆ เสมือนออกมาปิคนิคนอกบ้าน

เกาะเต่า 1 ในเกาะที่สวยติดอันดับโลก

เกาะเต่า เกาะเล็กเมืองสุราษฎร์ เกาะแห่งหนึ่งที่สวยติดอันดับโลก เพิ่งเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวได้เพียงราว 40 ปี แต่ความงาม สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกให้มาสัมผัสธรรมชาติที่งดงามได้ชนิดตรึงตราตจึงใจไปตลอดกาล

วัดสว่างอารมณ์ เที่ยว สุพรรณบุรี ไหว้พระ 9 วัด

กราบหลวงพ่อหลี ไหว้หลวงพ่อชอบ ขอพรย่าคะเคียน อิ่มบุญอิ่มใจโรงทาน วัดสว่างอารมณ์ ไหว้พระ 9 วัด ถนนสมภารคง สุพรรณบุรี เที่ยวไหว้พระ สุขใจ

เที่ยวภาคใต้

เกาะเต่า 1 ในเกาะที่สวยติดอันดับโลก

เกาะเต่า เกาะเล็กเมืองสุราษฎร์ เกาะแห่งหนึ่งที่สวยติดอันดับโลก เพิ่งเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวได้เพียงราว 40 ปี แต่ความงาม สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกให้มาสัมผัสธรรมชาติที่งดงามได้ชนิดตรึงตราตจึงใจไปตลอดกาล

การท่องเที่ยว

หมายถึงการเดินทางเพื่อพักผ่อนหย่อนใจหรือเพื่อความสนุกสนานตื่นเต้นหรือเพื่อหาความรู้ องค์กรการท่องเที่ยวของสหประชาชาติ (World Tourism Organization : WTO) กำหนดให้หมายถึง การเดินทางโดยระยะทางมากกว่า 40 กิโลเมตรจากบ้าน เพื่อจุดประสงค์ในการพักผ่อนหย่อนใจ

ส่วนในประเทศไทยได้มีพัฒนาการมาตั้งแต่ พ.ศ. 2467 สมัยพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน ครั้งทรงดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการรถไฟ ซึ่งในครั้งนั้นการเดินทางเพื่อเที่ยวในประเทศไทย ยังเป็นการเที่ยวเพื่อชมธรรมชาติและสถานที่ราชการ หรือสถานที่สำคัญที่ทางชาวต่างประเทศที่เข้ามาในประเทศไทยสร้างขึ้น
เมื่อประมาณ 10 ปี ที่ผ่านมาทาง WTO ได้มีการกำหนดรูปแบบการท่องเที่ยวได้ 3 รูปแบบหลัก ได้แก่

1) รูปแบบการเที่ยวในแหล่งธรรมชาติ (Natural based tourism)

2) รูปแบบการเที่ยวในแหล่งวัฒนธรรม (Cultural based tourism)

3) รูปแบบการเที่ยวในความสนใจพิเศษ (Special interest tourism)

รูปแบบการท่องเที่ยว

การเที่ยวในแหล่งธรรมชาติ (์Natural based tourism) ประกอบด้วย

  1. การเที่ยวแบบเชิงนิเวศ (Ecotourism) หมายถึงการเที่ยวไปในแหล่งธรรมชาติที่มีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่นและแหล่งวัฒนธรรมที่เกี่ยวเนื่องกับระบบนิเวศ โดยมีกระบวนการเรียนรู้ร่วมกันของผู้ที่เกี่ยวของภายใต้การจัดการสิ่งแวดล้อมและการเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมของท้องถิ่นเพื่อมุ่งเน้นให้เกิดจิตสำนึกต่อการรักษาระบบนิเวศอย่างยั่งยืน
  2. การเที่ยวแบบเชิงนิเวศทางทะเล (Marine ecotourism) หมายถึงการเที่ยว อย่างมีความรับผิดชอบในแหล่งธรรมชาติทางทะเลที่มีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น และแหล่งที่เกี่ยวเนื่องกับระบบนิเวศทางทะเล โดยมีกระบวนการเรียนรู้ร่วมกันของผู้ที่เกี่ยวของภายใต ้ การจัดการสิ่งแวดล้อมและการเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมของท้องถิ่น เพื่อมุ่งให้เกิดจิตสำนึกต่อการรักษาระบบนิเวศอยางยั้งยืน
  3. การเที่ยวแบบเชิงธรณีวิทยา (Geo-tourism) หมายถึงการเที่ยวในแหล่งธรรมชาติที่เป็น หินผา ลานหินทราย อุโมงค์โพรง ถ้ำน้ำลอด ถ้ำหินงอกหินย้อย เพื่อดูความงามของภูมิทัศน์ที่มีความแปลกของการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่โลก ศึกษาธรรมชาติของหิน ดิน แร่ต่างๆ และฟอสซิล ได้ความรู้ได้มีประสบการณ์ใหม่ บนพื้นฐานการเที่ยวอย่างรับผิดชอบ มีจิตสำนึกต่อการรักษาสภาพแวดล้อม โดยประชาชนในท้องถิ่นมีส่วนร่วมต่อการจัดการบริหารพื้นที่
  4. การเที่ยวแบบเชิงเกษตร (Agro tourism) หมายถึงการเดินทางเที่ยวไปยังพื้นที่เกษตรกรรมสวนเกษตร วนเกษตร สวนสมุนไพร ฟาร์มปศุสัตว์และเลี้ยงสัตว์เพื่อชื่นชมความสวยงาม ความสำเร็จและเพลิดเพลินในสวนเกษตร ได้ความรู้มีประสบการณ์ใหม่บนพื้นฐานความรับผิดชอบ มีจิตสำนึกต่อการรักษาสภาพแวดล้อมของสถานที่แห่งนั้น
  5. การเที่ยวแบบเชิงดาราศาสตร์ (Astrological tourism) หมายถึงการเดินทางเที่ยวเพื่อการไปชมปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ที่เกิดขึ้นในแต่ละวาระ เช่น สุริยุปราคา ฝนดาวตก จันทรุปราคา และการดูดาวจักราศีที่ปรากฏในท้องฟ้าแต่ละเดือน เพื่อการเรียนรู้ระบบสุริยะจักรวาล มีความรู้ความประทับใจ ความทรงจำและประสบการณ์เพิ่มขึ้น บนพื้นฐานการเที่ยวอย่างมีความรับผิดชอบมีจิตสำนึกต่อการรักษาสภาพแวดล้อมและวัฒนธรรมท้องถิ่น โดยประชาชนในท้องถิ่นมีส่วนร่วมต่อการจัดการร่วมกันอย่างยั่งยืน

การเที่ยวในแหล่งวัฒนธรรม (Cultural based tourism) ประกอบด้วย

  1. การเที่ยวแบบเชิงประวัติศาสตร์ (Historical tourism) หมายถึงการเดินทางเที่ยวไปยังแหล่งท่องเที่ยวทางโบราณคดี และประวัติศาสตร์ เพื่อชื่นชมและเพลิดเพลินในสถานที่โบราณ และได้รับความรู้มีความเข้าใจต่อประวัติศาสตร์และโบราณคดี ในท้องถิ่นพื้นฐานของความรับผิดชอบและมีจิตสำนึกต่อการรักษามรดกทางวัฒนธรรมและคุณค่า ของสภาพแวดลอมโดยที่ประชาชนในท้องถิ่น
  2. การเที่ยวแบบชมวัฒนธรรมและประเพณี (Cultural and traditional tourism) หมายถึงการเดินทาง เพื่อชมงานประเพณีต่างๆ ที่ชาวบ้านในท้องถิ่นนั้นๆ จัดขึ้น ได้รับความเพลิดเพลินตื่นตาตื่นใจในสุนทรียะศิลป์เพื่อศึกษาความเชื่อ การยอมรับนับถือ การเคารพพิธีกรรมต่างๆ และมีความเข้าใจต่อสภาพสังคมและวัฒนธรรม มีประสบการณ์ใหม่ๆ เพิ่มขึ้นบนพื้นฐานของความรับผิดชอบและมีจิตสำนึกต่อการรักษาสภาพแวดล้อมและมรดกทางวัฒนธรรม
  3. การเที่ยวแบบชมวิถีชีวิตในชนบท (Rural tourism / village tourism) หมายถึงการเดินทางเทียวไปในหมู่บ้าน ชนบทที่มีลักษณะวิถีชีวิต และผลงานสร้างสรรค์ที่มีเอกลักษณ์พิเศษมีความโดดเด่นเพื่อความเพลิดเพลินได้ความรู้ดูผลงานสร้างสรรค์และภูมิปัญญาพื้นบ้าน มีความเข้าใจในวัฒนธรรมท้องถิ่น บนพื้นฐานของความรับผิดชอบและมีจิตสำนึกต่อการรักษามรดกทางวัฒนธรรมและคุณค่าของสภาพแวดล้อม

การเที่ยวในความสนใจพิเศษ (Special interest tourism) ประกอบด้วย

  1. การเที่ยวแบบเชิงสุขภาพ (Health tourism) หมายถึงการเที่ยวในแหล่งธรรมชาติและแหล่งวัฒนธรรมเพื่อการพักผ่อนและเรียนรู้วิธีการรักษาสุขภาพกายใจได้รับความเพลิดเพลิน และสุนทรียภาพ มีความรู้ต่อการรักษาคุณค่า และคุณภาพชีวิตที่ดี มีจิตสำนึกต่อการรักษาสิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมท้องถิ่นโดยประชาชนในท้องถิ่นมีส่วนร่วมต่อการจัดการที่ยั่งยืน อนึ่ง การเที่ยวเชิงสุขภาพนี้บางแห่งอาจจัดรูปแบบเป็นการเที่ยวเพื่อสุขภาพและความงาม (health beauty and spa)
  2. การเที่ยวแบบเชิงทัศนศึกษาและศาสนา (Edu-meditation tourism) หมายถึง การเดินทางเพื่อทัศนศึกษาแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากปรัชญาทางศาสนา หาความรู้ สัจธรรมแห่งชีวิตมีการฝึกทำสมาธิเพื่อให้มีประสบการณ์และความรู้ใหม่เพิ่มขึ้น มีคุณค่าและคุณภาพชีวิตที่ดีเพิ่มขึ้นมีจิตสำนึกต่อการรักษาสิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมท้องถิ่น โดยประชาชนในท้องถิ่นมีส่วนร่วมต่อการจัดการการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน นอกจากนั้น นักเดินทางบางกลุ่มมุ่งการเรียนรู้วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย เช่น การทำอาหารไทย การนวดแผนไทย รำไทย มวยไทย การช่างและงานศิลปหัตถกรรมไทย รวมถึงการบังคับช้างและเป็นควาญช้าง เป็นต้น
  3. การเที่ยวเพื่อศึกษากลุ่มชาติพันธุ์หรือวัฒนธรรมกลุ่มน้อย (Ethnic tourism) หมายถึง การเดินทางเที่ยวเพื่อเรียนรู้วิถีชีวิตความเป็นอยู่วัฒนธรรมของชาวบ้าน วัฒนธรรมของชนกลุ่มน้อยหรือชนเผ่าต่าง ๆ เช่น หมู่บ้านชาวไทยโซ่ง หมู่บ้านผู้ไทย หมู่บ้านชาวกูย หมู่บ้านชาวกะเหรี่ยง หมู่บ้านชาวจีนฮ่อ เป็นต้น เพื่อมีประสบการณ์และความรู้ใหม่เพิ่มขึ้นมีคุณค่าและคุณภาพชีวิตที่ดีเพิ่มขึ้นมีจิตสำนึกต่อการรักษาสิ่งแวดลอมและวัฒนธรรมท้องถิ่น
  4. การเที่ยวเชิงกีฬา (Sports tourism) หมายถึงการเดินทางเที่ยวเพื่อเล่นกีฬาตามความถนัดความสนใจ ในประเภทกีฬา เช่น กอล์ฟ ดำน้ำ ตกปลา สนุกเกอร์ กระดานโตคลื่น สกีนํ้า เป็นต้น ให้ได้รับความเพลิดเพลินความสนุกสนานตื่นเต้น ได้รับประสบการณ์และความรู้ใหม่เพิ่มขึ้น มีคุณค่าและคุณภาพชีวิตที่ดีเพิ่มขึ้น มีจิตสำนึกต่อการรักษาสิ่งแวดลอมและวัฒนธรรมท้องถิ่น
  5. การเที่ยวแบบผจญภัย (Adventure travel) หมายถึง การเดินทางเที่ยวไปยังแหล่งเที่ยวทางธรรมชาติที่มีลักษณะพิเศษ ที่เข้าไปเที่ยวแล้วได้รับความสนุกสนานตื่นเต้น หวาดเสียว ผจญภัย มีความทรงจำ ความปลอดภัย และได้ประสบการณ์ใหม่
  6. การเที่ยวแบบโฮมสเตย์และฟาร์มสเตย์ (Home stay & farm stay) หมายถึง นักเที่ยวกลุ่มที่ต้องการใช้ชีวิตใกล้ชิดกับครอบครัวในท้องถิ่นที่ไปเยือนเพื่อการเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นและวัฒนธรรมท้องถิ่น ได้รับประสบการณ์ในชีวิตเพิ่มขึ้น โดยมีจิตสำนึกต่อการรักษาสิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมท้องถิ่น
  7. การเที่ยวแบบพำนักระยะยาว (Long stay) หมายถึง กลุ่มผู้ใช้ชีวิตในบั้นปลายหลังเกษียณอายุจากการทำงานที่ต้องการมาใช้ชีวิตต่างแดนเป็นหลัก เพื่อเพิ่มปัจจัยที่ห้าของชีวิตคือ การท่องเที่ยว โดยเดินทางท่องต่างประเทศเฉลี่ย 3 – 4 ครั้งต่อปี คราวละนาน ๆ อย่างน้อย 1 เดือน
  8. การเที่ยวแบบให้รางวัล (Incentive travel) หมายถึงการจัดนำเที่ยวให้แก่กลุ่มลูกค้าของบริษัทที่ประสบความสำเร็จ (มีความเป็นเลิศ) ในการขายสินค้านั้นๆ ตามเป้าหมายหรือเกินเป้าหมาย เช่น กลุ่มผู้แทนบริษัทจำหน่ายรถยนต์ ผู้แทนบริษัทจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า ผู้แทนบริษัทจำหน่ายเครื่องสำอาง จากภูมิภาคหรือจังหวัดต่างๆ ที่สามารถขายสินค้าประเภทนั้นได้มากตามที่บริษัทผู้แทนจำหน่ายในประเทศตั้งเป้าหมายไว้เป็นการให้รางวัลและจัดนำเที่ยว โดยออกค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ค่าพักแรมและค่าอาหารระหว่างการเดินทางให้กับผู้ร่วมเดินทาง เป็นการจัดรายการพักแรมตั้งแต่ 2 – 7 วัน เป็นรายการนำเที่ยวชมสถานท่องที่ต่างๆ อาจเป็นรายการนำเที่ยวแบบผสมผสาน หรือรายการนำเที่ยวในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง
  9. การเที่ยวเพื่อการประชุม (MICE หมายถึง M=meeting/I= incentive/ C=conference / E=exhibition) เป็นการจัดนำเที่ยวให้แก่กลุ่มลูกค้าของผู้ที่จัดประชุม มีรายการจัดนำเที่ยวก่อนการประชุม (pre-tour) และการจัดรายการนำเที่ยวหลังการประชุม (post-tour) โดยการจัดรายการเที่ยวในรูปแบบต่าง ๆ ไปทั่วประเทศ เพื่อบริการให้กับผู้เข้าร่วมประชุมโดยตรง หรือสำหรับผู้ที่ร่วมเดินทางกับผู้ประชุม (สามีหรือภรรยา) อาจเป็นรายการเที่ยววันเดียว หรือรายการเที่ยวพักค้างแรม 2 – 4 วัน โดยคิดราคาแบบเหมารวมค่าอาหารและบริการ
  10. การเที่ยวแบบผสมผสาน เป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่ผู้จัดการการท่องเที่ยวคัดสรรรูปแบบการเที่ยวที่กล่าวมาแล้วข้างต้น นำมาจัดรายการนำเที่ยว เพื่อให้ผู้เที่ยวได้รับความแตกต่างระหว่างเที่ยวในระยะยาวนานตั้งแต่ 2 – 7 วันหรือมากกว่านั้นเช่น การเที่ยวเชิงนิเวศและเกษตร (eco–agro tourism) การเที่ยวเชิงเกษตรและประวัติศาสตร์ (agro-historical tourism) การเที่ยวเชิงนิเวศและผจญภัย (eco-adventure travel) การเที่ยวเชิงธรณีวิทยาและประวัติศาสตร์ (geo- historical tourism) การเที่ยวเชิงเกษตรและวัฒนธรรม (agro-cultural tourism) เป็นต้น

นอกจากนี้ในปัจจุบัน ได้มีการพิจารณาความต้องการหรือพฤติกรรมนักเที่ยวเพิ่มเติม ทำให้มีรูปแบบการเที่ยวที่มีแนวคิดใหม่ ขึ้นมาเช่น Green tourism ที่คนมาเที่ยวจะต้องการอนุรักษ์ธรรมชาติหรือช่วยลดภาวะโลกร้อน เช่น การเที่ยวในเกาะสมุย หรือ War tourism ที่ผู้มาเที่ยวต้องการสัมผัสกับอดีตในสมัยสงคราม เช่น การเที่ยวสะพานข้ามแม่นํ้าแคว จังหวัดกาญจนบุรีหรือ Volunteer tourism ที่ผู้เที่ยวเป็นอาสาสมัครมาช่วยทำกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ ในสถานที่นั้น และเดินทางเที่ยวต่อไป เช่น การที่มีอาสาสมัครมาช่วยงานสึนามิในประเทศไทย เป็นต้น

ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีสถานที่ให้เที่ยวได้หลากหลายที่สุดประเทศหนึ่ง ซึ่งครบคุลมรูปแบบการเที่ยวเกือบทั้งหมด โดยมีทั้งจุดดำน้ำ, หาดทราย, เกาะนับร้อย, สถานบันเทิงที่หลากหลาย, โบราณสถาน, พิพิธภัณฑ์, หมู่บ้านชาวเขา, สวนดอกไม้และจุดชมนกที่ยอดเยี่ยม, พระราชวัง, วัดขนาดใหญ่ และมรดกโลกจำนวนมาก

มีนักเที่ยวจำนวนมากสนใจหลักสูตรพิเศษ ในระหว่างที่อยู่ในประเทศไทย สิ่งที่นิยมได้แก่ชั้นเรียนการทำอาหารไทย, พระพุทธศาสนา และการนวดแผนไทย

ด้านเทศกาลประเพณีของไทยมีตั้งแต่เทศกาลของชาติ ที่สนุกกับการสาดน้ำอย่างสงกรานต์ ไปจนถึงประเพณีในตำนานอย่างลอยกระทง นอกจากนี้ในท้องถิ่นจำนวนมากในประเทศไทยมีเทศกาลของพวกเขาเองเช่นกัน ที่มีชื่อเสียงได้แก่ “การจัดงานแสดงช้าง” ในจังหวัดสุรินทร์, “ประเพณีบุญบั้งไฟ” ใน จังหวัดร้อยเอ็ด เป็นต้น

ประเทศไทยนั้นได้แบ่งพื้นที่ออกเป็นภูมิภาคเพื่อการท่องเที่ยว จะแบ่งออกเป็น 5 ภูมิภาค (แต่ภูมิภาคที่แบ่งออกมานี้ จะไม่เหมือนกับการแบ่งภูมิภาคเพื่อรูปแบบทางการปกครอง)

การแบ่งภูมิภาคแบ่งออกได้ดังนี้

  • ภาคเหนือ
  • ภาคกลาง
  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
  • ภาคตะวันออก
  • ภาคใต้

แต่ละภูมิภาคประกอบด้วยจังหวัดต่างๆดังนี้

ภาคเหนือ

ภาคกลาง

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ภาคตะวันออก

ภาคใต้