วัดพระลอย ไหว้พระทำบุญ อุทยานมัจฉา

วัดพระลอย เที่ยวสุพรรณบุรี

วัดพระลอย สุพรรณบุรี ไหว้พระ 9 วัด

พระลอย คือพระนาคปรกเนื้อทรายขาว คาดว่ามีอายุราว 800 ปี พุทธลักษณะเป็นศิลปะแบบบายน พ.ศ.1720-พ.ศ. 1780 ซึ่งอยู่ในช่วงอาณาจักรลพบุรีเรืองอำนาจ

วัดพระลอย สุพรรณบุรี

วัดพระลอย ชื่อวัดซึ่งมาจากการที่ชาวบ้านได้อันเชิญพระพุทธรูปที่ลอยน้ำมาติดตลิ่ง อันเชิญมาประดิษฐานบนฝั่งและสร้างวัดขึ้นในบริเวณดังกล่าว และร่วมแรงใจสร้างวัดถวายเป็นพุทธบูชา  ประวัติการสร้างวัดพระลอยนั้น มีอยู่หลายกระแส แต่ที่พูดถึงกันมากคือ

  1. บริเวณวัดพระลอยปัจจุบันนั้น เดิมมีวัด 2 วัด คือวัดกระโจมทอง และ วัดมาลา ไม่มีหลักฐานว่าวัดแห่งใดสร้างขึ้นก่อนหลัง และวัดทั้ง 2 ได้ร้างไป เมื่อคราวสงครามกรุงศรีอยุทธยาแตกครั้งที่ 2 ก่อนได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ ในสมัยรัตนโกสินทร์ และตั้งชื่อวัดพระลอยตามที่ได้มีพระพุทธรูปลอยน้ำมาติดที่ท่าน้ำ
  2. เดิมที่พื้นที่วัดพระลอนเป็นวัดร้างไม่ปรากฎชื่อวัด เมื่อมีพระพุทธรูปลอยมาตามลำน้ำ จึงได้อัญเชิญมาประดิษยฐานบนฝั่งและตั้งชื่อว่า วัดชลอ แต่ชาวบ้านมักเรียกกันติดปากว่า วัดพระลอย จึงเปลี่ยนชื่อวัดเป็นวัดพระลอย
  3. ด้าน อ.มนัส โอภากุล บิดาของ แอ้ด คาราบาว ผู้เชี่ยวชาญและนักประวัติศาสตร์ท้องถิ่น เล่าว่า หลวงพ่อแต้มอดีตเจ้าอาวาสวัดพระลอยได้เล่นให้ฟังว่า เมื่อชาวบ้านพบพระลอยน้ำมา จึงอัญเชิญมาประดิษยฐานที่วัด และเปลี่ยนชื่อวัดตามการลอยน้ำมาของพระพุทธรูปนาคปรก ซึ่งมีพุทธลักษณะสวยงาม คล้ายคลึงกับพระนาคปรกที่พบที่วัดปู่บัว ซึ่งพระนาคปรกที่วัดปู่บัว ม.จ. สุภัทรดิศ ดิศกุล ทรงมีพระดำรัสว่า พระนาคปรกหินทรายที่พบที่วัดปู่บัว เป็นศิลปะแบบบายน  สมัยลพบุรี อายุราว ปี 1720-1780″

ซึ่งทุกกระแสมีความคล้านกันคือเดิมเป็นวัดร้าง มีชื่อ และ ไม่มีชื่อ ได้ถูกทิ้งร้างเมื่อคราวเสียกรุงครั้งที่ 2 ครั้นสมัยรัตนโกสินทร์ชาวบ้านพบพระพุทธรูปลอยน้ำมาติดตลิ่งก็อัญเชิญขึ้นประดิษฐานบนฝั่งและสร้างวัดขึ้น บางก็ว่าเดิมชื่อวัดชลอ บางก็ว่าชาวบ้านเรียกว่าวัดพระลอยมาแต่เดิม แต่หลวงพ่อแต้ม ได้บอกเล่าว่า เดิมไม่ได้ชื่อวัดพระลอย แต่มีการเปลี่ยนชื่อในภายหลังหลักฐานที่อ้างความเป็นวัดเก่า คือมีพระอุโบสถเก่าสมัยอู่ทอง อยู่ในบริเวณวัด

หลวงพ่อพระลอย

หลวงพ่อพระลอย วัดพระลอย สุพรรณบุรี เที่ยวไหว้พระ 9 วัด gettythailand

พุทธลักษณะพลวงพ่อพระลอย วัดพระลอย จังหวัดสุพรรณบุรี สูงประมาณ 39 นิ้ว หน้าตักกว้างประมาณ 19 นิ้ว เป็นศิลปะลพบุรี ซึ่งได้รับอิทธิพลรูปแบบจากศิลปะบายน แบบขอม ราวพุทธศตวรรษที่ 18 อายุประมาณกว่า 800 ปี สร้างขึ้นจากหินทราย พุทธลักษณะที่ปรากฏคือ ประทับนั่งอยู่บนขนดนาค พระพักตร์ค่อนข้างสี่เหลี่ยม พระขนงต่อกันเป็นปีกกา พระเนตรยาว พระนาสิกโด่ง พระโอษฐ์หนา แย้มสรวลเล็กน้อย อันเป็นลักษณะเฉพาะที่เป็นเอกลักษณ์ของพระพุทธรูปที่ได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะบายน

เมื่อเข้ามาในวิหารจะพบหลวงพ่อพระลอย 2 องค์ องค์จริงคือองค์ประธานที่ประดิษบานอยู่ด้านบน ส่วนองค์ด้านล่าง ทางวัดได้จำลองขึ้นมา

เนื่องจากหลวงพ่อพระลอยนั้นมีพุทธลักษณะที่สวยงาม และมีคุณค่าทางศิลปะ วัฒนะธรรม รวมถึงจัดเป็นโบราณวัตถุทางวัดต้องการที่จะรักษาให้คงสภาพเดิมไว้เป็นพระประจำวัดอยู่คู่วัดคู่ชุมชนสืบไปในภาคหน้า จึงทำการจำลององค์พระลอยขึ้นพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้ปิดทองเพื่อเป็นการสักการะ ในเวลาที่มากราบไหว้ขอพร

คาถาบูชา หลวงพ่อพระลอย

ตั้งนะโม 3 จบยะโตหัง ภะคินิ อะระยายะ ชาติยาชาโตนาภิชานามิ สัญจิจจะ ปาฌัง ชีวิตาโวโรเปตา เตนะ สัจเจนะโสตถิ เต โหนตุโสตถิ คัพภัสสะ

คาถาบูชา หลวงพ่อพระลอย

ตั้งนะโม 3 จบยะโตหัง ภะคินิอะระยายะชาติยาชาโต นาภิชานามิสัญจิจจะ ปาฌัง ชีวิตาโวโรเปตา เตนะ สัจเจนะโสตถิ เต โหนตุโสตถิ คัพภัสสะ

พระอุโบสถเก่า

พระอุโบสถเก่า หลวงพ่อพระลอย วัดพระลอย สุพรรณบุรี เที่ยวไหว้พระ 9 วัด gettythailand

วัดพระลอยถือเป็นวัดที่มีความเก่าแก่มากวัดหนึ่งของจังหวัดสุพรรณบุรี แต่ไม่สามารถระบุได้อย่างชัดเจนว่า ก่อสร้างเมื่อใด และใครเป็นคนสร้าง แต่เมื่อพิจารณาจากพระอุโบสถ เก่าที่ชำรุดกลายเป็นซากปรักหักพัง รวมทั้ง อิฐ และใบเสมาโดยรอบแล้ว คาดว่าน่าจะสร้างขึ้นในช่วงกลางสมัยพระเจ้าอู่ทอง สันนิฐานว่า อายุไม่ต่ำกว่า 700 ปี แต่ต่อมาทางวัดได้ปฏิสังขรณ์โดยสร้างโบสถ์ใหม่มาครอบไว้ ตัวพระอุโบสถเก่า เป็นอาคารสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดหว้าง 9.30 เมตร ยาว 18 เมตร ทางด้านหน้ามีเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยมตั้งอยู่ ส่วนด้านในพระอุโบสถหลังเก่านั้นยังมีพระประธานสวยงามที่สวยงามให้ประชาชนมากราบไหว้อีกองค์หนึ่ง

หน้าบันไม้เก่า หลวงพ่อพระลอย วัดพระลอย สุพรรณบุรี เที่ยวไหว้พระ 9 วัด gettythailand

นอกจากนั้น หน้าบันซึ่งทำด้วยไม้จริง แกะสลักอย่างปราณีตเป็นลวดลายวิจิตรงดงาม ซึ่งหาชมได้ยากมาก แม้สภาพจะเก่าและชำรุดทรุดโทรมไปบ้าง แต่ลวดลายยังคงคมชัดสวยงาม สัณนิฐานว่าสร้างในสมัยรัชกาลที่ 1 ซึ่งลักษณะหน้าบันดังกล่าวมีรูปแบบเหมือนกับวัดสำโรง ในประเทศกัมพูชา ซึ่งสร้างโดยคนในตระกูลของ เจ้าพระยาอภัยภูเบศ ซึ่งเป็นผู้สำเร็จราชการปกครองเมืองพระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ และระสือ ในสมัยรัชกาลที่ 1 นั้นเอง

ปูชนียบุคคล หลวงพ่อแต้ม ปุญญสุวัณโณ

“พระครูประภัศร์ธรรมาภรณ์” หรือ “หลวงพ่อแต้ม ปุญญสุวัณโณ” วัดพระลอย ต.รั้วใหญ่ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี จากอดีตนักเลงกลับเนื้อกลับตัวมาบวช และเป็นพระเกจิอาจารย์ที่ชาวบ้านเคารพนับถือมากรูปหนึ่งของจังหวัดสุพรรณบุรี

หลวงพ่อแต้ม วัดพระลอย สุพรรณบุรี เที่ยวไหว้พระ 9 วัด gettythailand

หลวงพ่อแต้มเกิดเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2434 ด้านทิศใต้วัดพระลอย เป็นบุตรคนโตของพ่อแย้ม แม่อ่ำ นารถพลายพันธ์ ท่านเป็นคนร่างเล็ก ครอบครัวยากจน ไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือ พอแตกหนุ่มเกิดคบเพื่อนอันธพาลนักเลงรุ่นเดียวกัน ชอบตีรันฟันแทง แม้จะมีร่างเล็ก แต่เล็กพริกขี้หนู ใจถึงน่าดูไม่กลัวใคร ท่านเป็นหัวหน้านักเลงขึ้นชื่อ คุมท้องถิ่นแถวบ้านวัดพระลอย และมีเพื่อนอีกคนหนึ่งที่รู้จักชอบคอกันดีเป็นหัวหน้านักเลงอยู่ที่ศรีประ จันต์ ชื่อ ปุย (ภายหลัง คือ หลวงพ่อปุย วัดเกาะนั่นเอง) เป็นนักเลงคุมแถวลุ่มน้ำบ้านคอย

วันหนึ่งบิดามารดาเห็นว่าหลวงพ่อ แต้มอายุครบบวชจึงอยากให้บวช เลยไปตามหลวงพ่อแต้ม ซึ่งตอนนั้นไปอยู่ที่อ่างทอง ตามตัวพบแล้วจึงพามาบวชที่วัดสำปะซิว โดยหลวงปู่โต๊ะ วัดลาดตาล ซึ่งขณะนั้นเป็นเจ้าอาวาสวัดสำปะซิว อบรมบ่มนิสัยหลวงพ่อแต้มก่อนบวช โดยแรกเริ่มหลวงพ่อแต้มไม่รู้หนังสือแม้แต่ตัวเดียว แต่ก็สามารถท่องเจ็ดตำนานได้ภายในเจ็ดวัน หลวงปู่โต๊ะชอบใจมาก เพราะหลวงพ่อแต้มหัวไว

หลังจากนั้นจึงอุปสมบทให้หลวงพ่อแต้ม เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2455 ณ พัทธสีมาวัดสำปะซิว มี หลวงพ่อปลื้ม วัดพร้าว เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อปลื้ม (อีกรูปหนึ่ง) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ หลวงปู่โต๊ะ วัดสำปะซิว เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายา “ปุญญสุวัณโณ”

หลังจากบวชแล้ว เกิดจิตฟุ้งซ่าน หลวงปู่โต๊ะจึงพาไปเล่นกระดูกผีในป่าช้า และสอนกรรมฐานให้ด้วย และสอนหนังสือทั้งไทยและขอมจนอ่านออกเขียนได้ และหลวงพ่อแต้มยังได้ศึกษาวิชาแพทย์แผนโบราณ กับช่างไม้ช่างก่อสร้างจากหลวงปู่โต๊ะอีกด้วย จนมีความเชี่ยวชาญในด้านนี้มาก

ต่อมาย้ายมาอยู่วัดพระลอยจึงลาสิกขาออกมาปี 2463 สรุปแล้วท่านบวชครั้งแรกอยู่ 8 พรรษา ใช้ชีวิตทางโลกอยู่พักหนึ่งเกิด เบื่อหน่ายทางโลก จึงอุปสมบทครั้งที่ 2 โดยมี หลวงพ่อสอน วัดป่าเลไลยก์ เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อพร วัดป่าเลไลยก์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ หลวงพ่อคำ วัดพระรูป เป็นพระอนุสาวนาจารย์

หลังจากอุปสมบทครั้งสองแล้ว จำพรรษาอยู่วัดลาวทอง จวบจนปี พ.ศ.2466 จึงไปศึกษาวิปัสสนากรรมฐานจากหลวงพ่อซัว วัดสาลี บางปลาม้า จวบจนถึงปี พ.ศ. 2468 และไปเรียนต่อจากหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค จ.พระนครศรีอยุธยา สำเร็จวิชายันต์เกราะเพชร ท่านเคยได้เขียนยันต์เกราะเพชรให้เจ้าอาวาสวัดท่าทอง ขณะนี้ยังอยู่ สวยงามมากและวิชาหมอตาทิพย์ วิชาแพทย์แผนโบราณช่วยคน และกลับมาอยู่วัดลาวทองต่อ

ปีพ.ศ.2483 คณะสงฆ์แต่งตั้งให้หลวงพ่อแต้มมาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระลอย ซึ่งใกล้จะร้าง ให้มีสภาพดีขึ้น ท่านพัฒนาวัดจนเจริญ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจขึ้นชื่ออีกแห่งของเมืองสุพรรณ จวบจนมรณภาพปีพ.ศ.2514 สิริอายุ 80 ปี

สมดังปัจฉิมวาจา ก่อนมรณภาพที่หลวงพ่อให้ไว้ว่า “ถ้าข้าตาย ก็ให้เก็บศพไว้อย่าไปเผา สังขารข้าอยู่ วิชาอาคมของข้าก็อยู่ช่วยพวกเอ็งไปตลอด เดือดร้อนอะไรให้มากราบพระลอย และมาหาข้า เหตุร้ายเดือดร้อนจะหายไป ข้าจะลงวิชาเกราะเพชรให้แก่ทุกคนจำไว้ นะไอ้หนู”

หลวงพ่อแต้มมรณภาพมีเจ้าภาพ ที่เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อจองคิวสวดพระอภิธรรมจำนวนมากคนละวันก็เป็นปีๆ ทางวัดจึงได้พิจารณาจะสวดพระอภิธรรมแค่ 100 วัน และจะได้รับพระราชทานเพลิงศพ เมื่อครบ 100 วัน เปิดโรงศพท่านดูก็ต้องพบกับเหตุการณ์อันน่าอัศจรรย์ เมื่อศพของหลวงพ่อไม่เน่าเปื่อย เหมือนกับคนนอนนิ่งธรรมดา ทางวัดจึงเก็บศพหลวงพ่อไว้ถึงปัจจุบันนี้ และเปิดให้ประชาชนกราบสักการะศพของท่านได้ทุกวัน และทางวัดจะมีการจัดงานทำบุญเพื่ออุทิศถวายแก่หลวงพ่อแต้ม ในวันที่ 17 มกราคม ของทุกปี 

หลวงพ่อแต้ม เริ่มสร้างวัตถุมงคลรุ่นแรก ตั้งแต่ปีพ.ศ.2495 พระเนื้อดินเผาสีดำ เป็นพระซุ้มกอ และพิมพ์นาคปรก หรือปางพญามหาชมพู และอีกหลายพิมพ์ เป็นเนื้อดิน เป็นต้น เมื่อปีพ.ศ.2511 สร้างเหรียญรุ่นแรกเป็นเหรียญรูปอาร์ม เนื้อทองแดงรมดำ และเหรียญรุ่น 2 ปี 2512 รุ่น3 ปี 2523 ช่วงเวลานั้นท่านได้สร้างพระกริ่ง เป็นกริ่งนาคปรก เนื้อโลหะผสม นับเป็นกริ่งรุ่นแรกรุ่นเดียวของหลวงพ่อแต้ม

ด้วย หลวงพ่อแต้มสำเร็จวิชายันต์เกราะเพชรหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ท่านจึงได้สร้างเหรียญยันต์เกราะเพชรเหรียญแรกของแผ่นดิน ตั้งแต่ปี 2511 ฝากไว้เป็นสมบัติชั่วลูกชั่วหลาน ว่ากันว่าก่อนปี 2511 ยังไม่มีพระเกจิอาจารย์รูปใดสร้างเหรียญยันต์เกราะเพชรเลย

อุทยานมัจฉา

ปลาสวาย อุทยานมัจฉา วัดพระลอย สุพรรณบุรี gettythailand

กิจกรรมสุดฮิตอีกหนึ่งอย่างเมื่อมาเที่ยวไหว้พระ 9 วัดที่สุพรรณบุรี หรือเจาะจงมาไหว้พระทำบุญที่วัดพระลอย ก็คือการเลี้ยงให้อาหารปลาที่บริเวณท่าน้ำด้านหลังวิหารหลวงพ่อพระลอยนั้นเอง เรียกว่าไหว้พระเสร็จ ออกจากวิหารหลวงพ่อพระลอย ก็เลี้ยงลงไปเลี้ยงปลาให้อาหารปลาได้เลย 

การให้อาหารปลาที่วัดประลอยนั้นค่อยข้างเป็นที่ชื่นชอบของเด็กๆ เพราะปลาที่ท่าน้ำวัดพระลอยมีเป็นจำนวนมากหลายพันตัว ส่วนมากจะเป็นปลายสวาย ซึ่งแต่ละตัวก็ตัวใหญ่มากๆ ที่มาคอยกินอาหารจากผู้ใจบุญ นอกจากปลาสวายก็ยังมีปลาตะเพียนหางแดง ปลาอีกา ปลาช่อน แอบแทรกอยู่กลางฝูงปลาสวายด้วย ส่วนปลาตัวเล็กๆก็จะอยู่รอบๆนอกของบริเวณท่าน้ำ

ข้อควรระวังของการมาให้อาหารปลาที่วัดพระลอย คือหากท่านพาลูกหลานเล็กๆมาด้วย ไม่ควรปล่อยให้น้องให้อาหารปลาโดยลำพัง ต้องดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อความปลอดภัย

ตลาดร่มไม้ชายน้ำ

เมื่อมาเที่ยววัดพระลอยในวันเสาร์-อาทิตย์ ที่วัดจะมีตลาดร่มไม้ชายน้ำ วัดพระลอย  เป็นสถานที่เหมาะกับพาครอบครัวมาพักผ่อนหย่อนใจ มีบรรยากาศร่มรื่น มีการสาธิตภูมิปัญญาท้องถิ่น รวมทั้งมีสินค้าพื้นเมืองต่างๆให้ซื้อเป็นของฝากติดไม้ติดมือ เป็นที่ระลึกอีกด้วย

ตลาดร่มไม้ชายน้ำ วัดพระลอย สุพรรณบุรี เที่ยวไหว้พระ 9 วัด gettythailand

ยิ่งหากมาถึงวัดในช่วงกลางวัน ช่วงเที่ยงแล้ว ไม่ควรพลาดที่จะอิ่มอร่อยกับอาหารพื้นบ้านเมืองสุพรรณ ทั้งอาหารคาว-หวาน ราคาไม่แพง อร่อยอีกต่างหาก ประกอบกับบรรยากาศของตลาดที่มีความร่มรื่นของต้นไม้ ซึ่งมีโต๊ะ มีม้านั่งไว้ให้นักท่องเที่ยวได้นั่งรับประทานกัน

และบอกเลยว่าทุกๆร้านที่ตลาดร่มไม้ชายน้ำนั่น อร่อยมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็น ทอดมัน ส้มตำ ขนมไทยต่างๆรสหอมอร่อย หรือก๋วยเตี๋ยวโบราณ ร้านน้ำสมุนไพร ร้านลูกชุบ ร้านข้าวเกรียบโบราณ และของกินให้เลือกอีกมากมาย นอกจากนี้ยังมีผลผลิตการเกษตรของชุมชนมาขายในราคาประหยัดอีกด้วย เช่นข้าวอินทรีย์ และผักปลอดสารพิษต่างๆ

วัตถุมงคลวัดพระลอย

นอกจากวัตถุมงคลที่หลวงพ่อแต้มได้สร้างไว้ก่อนจะมรณะภาพ วัดพระลอยยังมีวัตถุมงคลเสริมโชคภาพ บารมี อีกหลายชิ้นเช้น ปู่ชูชก เสริมลาภ หรือพระราหูเจ้าสัว เป็นต้น

พระราหูเจ้าสัว วัดพระสอยสุพรรณบุรี gettythailand

เที่ยว วัดพระลอย จังหวัดสุพรรณบุรี

  • วัดพระลอย ได้เปิดให้ประชาชนเข้ากราบไหว้ เวลา 08.00-17.00 น. ของทุกวัน
  • ค่าบูชาดอกไม้ ธุปเทียน ทอง ตามกำลังศรัทธา
  • ตู้บริจาคเพื่อบำรุงวัดและสาธารณะกุศล ตามกำลังศรัทธา
  • เหมาะสำหรับ ทั้งกิจกรรมครอบครัว หมู่คณะ หรือจะมากับคนรู้ใจก็ได้เช่นกัน
  • เยี่ยมชมตลาดชุมชนเพื่อการท่องเที่ยว
  • ทำทานให้อาหาร ปลา – เต่า
  • ชมประติมากรรมตามเรื่องพระเวสสันดรชาดก

แผนที่และการเดินทาง

“นอกจากนี้วัดพระลอยห่งนี้ ยังเป็นวัดในเส้นทางถนนสายบุญ ไหว้พระ 9 วัด ยอดฮิตของจังหวัดสุพรรณบุรีอีกด้วย สามารถไหว้พระ 9 วัดในระยะทางเพียงประมาณ 6 กิโลเมตรเท่านั้น”

เส้นทางไหว้พระ 9 วัด ยอดนิยมของ จังหวัดสุพรรณบุรี

บริการนำเที่ยวไหว้พระ 9 วัด แบบหมู่คณะไม่เกิน 10 คน ราคาเริ่มต้นท่านละ 400 บาท (ไม่รวมค่าอาหาร)
วันเดียวเที่ยวสุพรรณ ไหว้พระ 9 วัด
สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-9204-2940

ข้อมูลพื้นฐาน สุพรรณบุรี

ความเป็นมาที่ชื่อว่า สุพรรณบุรี เป็นจังหวัดที่มีหลักฐานประวัติศาสตร์มายาวนาน เป็นเมืองโบราณ มีการสันนิฐานว่า มีอายุไม่ต่ำกว่า 3,500 – 3,800 ปี โบราณวัตถุที่ขุดพบมีทั้งยุคหินใหม่ ยุคสัมฤทธิ์ ยุคเหล็ก และสืบทอดวัฒนธรรมต่อเนื่องมาตั้งแต่ สมัยสุวรรณภูมิ ฟูนัน อมราวดี ทวารวดี ศรีวิชัย
สุพรรณบุรี เดิมมีชื่อ “ทวารวดีศรีสุพรรณภูมิ หรือ “พันธุมบุรี”

ต่อมาพระเจ้ากาแต ได้ย้ายเมืองมาตั้งอยู่ที่ฝั่งขวาของแม่น้ำ แล้วโปรดให้มอญน้อยไปสร้างวัดสนามชัย และบูรณะวัดป่าเลไลยก์ ชักชวนให้ข้าราชการจำนวน 2000 คนบวช จึงขนานนามเมืองใหม่ว่า”เมืองสองพันบุรี”

ครั้งถึงสมัยพระเจ้าอู่ทอง ได้สร้างเมืองมาทางฝั่งใต้หรือทางตะวันตกของแม่น้ำท่าจีน ชื่อเมืองเรียกวา “อู่ทอง” จวบจนสมัย “ขุนหลวงพะงั่ว” เมืองจึงถูก เรียกว่าชื่อว่า “สุพรรณบุรี” นับแต่นั้นมา

สุพรรณบุรี ตั้งอยู่ บนพื้นที่ราบลุ่มแม่น้ำท่าจีน หรือแม่น้ำสุพรรณบุรีไหลผ่านตามแนวยาวของจังหวัดจากเหนือจรดใต้  มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 5,358.01 ตารางกิโลเมตรหรือประมาณ 3.3 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 5.2 ของพื้นที่ภาคกลางอยู่ห่างจากกรุงเทพมหานครประมาณ 107 กิโลเมตร (ตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 340) โดยทางรถไฟประมาณ 142 กิโลเมตร

แดนยุทธหัตถี วรรณคดีขึ้น เลื่องลือพระเครื่อง รุ่งเรืองเกษตรกรรม สูงล้ำประวัติศาสตร์ แหล่งปราชญ์ศิลปิน ภาษาถิ่นชวนฟัง

หน้าองค์ดอนเจดีย์ 6 โมงเช้า สุพรรณบุรี เที่ยวเมืองสุพรรณ gettythailand
บรรยากาสหน้าองค์อนุสรย์ดอนเจดีย์ ยามเช้า ประมาณ 06.00 น.

ที่เที่ยวอื่นๆในสุพรรณ

วัดสว่างอารมณ์ เที่ยว สุพรรณบุรี ไหว้พระ 9 วัด

กราบหลวงพ่อหลี ไหว้หลวงพ่อชอบ ขอพรย่าคะเคียน อิ่มบุญอิ่มใจโรงทาน วัดสว่างอารมณ์ ไหว้พระ 9 วัด ถนนสมภารคง สุพรรณบุรี เที่ยวไหว้พระ สุขใจ

วัดชีสุขเกษม ไหว้พระ 9 วัด สุพรรณบุรี

วัดชีสุขเกษม กราบหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ อายุราว 1000 ปี ไหว้แม่ชีสุขเกษม ผู้ก่อตั้งสร้างวัด ตั้งแต่สมัยอยุทธยาตอนปลาย ขอพรสิ่งใดได้สมหวังสุขเกษมยินดี

เที่ยววัดพิหารแดง สุพรรณบุรี

วัดพระนอน จ.สุพรรณบุรี ไหว้พระไสยาสน์ปางปรินิพพานหินศิลาเก่าแก่ ไหว้เจ้าแม่กวนอิม อุทยานมัจฉาเลี้ยงปลาท่าน้ำหน้าวัด วัดที่ 6 เส้นทางสายบุญไหว้พระ 9 วัดเมืองสุพรรณ

วัดพระนอน สุพรรณบุรี พระนอนหงาย

วัดพระนอน จ.สุพรรณบุรี ไหว้พระไสยาสน์ปางปรินิพพานหินศิลาเก่าแก่ ไหว้เจ้าแม่กวนอิม อุทยานมัจฉาเลี้ยงปลาท่าน้ำหน้าวัด วัดที่ 6 เส้นทางสายบุญไหว้พระ 9 วัดเมืองสุพรรณ

วัดหน่อพุทธางกูร สุพรรณบุรี

กราบพระสิงห์สามสารชนะมาร ทำบุญสะเดาะห์เคราะห์ต่อชะตาพระพุทธรูปประจำวันเกิดทรงเครื่อง เที่ยวชมโบสถ์เก่าและงานจิตรกรรมโบราณ สมัย รัชกาลที่ 3

วัดพระลอย ไหว้พระทำบุญ อุทยานมัจฉา

วัดพระลอย กราบหลวงพ่อพระลอยพระนาคปรกศักดิ์สิทธิ เมืองสุพรรณบุรี กราบหลสงพ่อแต้มเกจิดังยันต์เกราะเพชร ทำบุญต่อชะตา เลี้ยงปลาเลี้ยงเต่า ชมตลาดชุมชน เดินสายไหว้พระ 9 วัด

วัดสารภี เที่ยวสุพรรณบุรี

วัดสารภี วัดที 3 ถนนสายบุญเมืองสุพรรณบุรี เที่ยวไหว้พระเก้าวัด กราบพระพุทธมงคลมุนี ท้าวเวสสุวววณ ขอพรองค์อินทร์ ลอดท้องช้างเอราวัณ สะเดะเคราะห์ โรคภันไข้เจ็บ ต่อชะตาต่ออายุ

วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ สุพรรณบุรี พระผงสุพรรณ เบจภาคีพระเครื่องไทย

วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ พระผงสุพรรณนามระบือลือเลื่อง ชมพระปรางค์เมืองเก่า แหล่งบุญเส้นทางไหว้พระ 9 วัด วันเดียวเที่ยวสุพรรณ